top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนDr.Parichat Varavarn Na Ayudhya

กรณีศึกษา กลยุทธ์การใช้ FACEBOOK ในธุรกิจร้านอาหาร

อัปเดตเมื่อ 2 ก.ค. 2561

หลายครั้ง เรามักตกหลุมรักรูปภาพร้านอาหารสวยๆ บรรยากาศดี๊ดี..ที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย หรือแม้แต่ภาพเมนูอาหาร ที่ชวนให้จินตนาการถึงความอร่อยและกลิ่นหอมที่โชยมา.. ผ่านหน้าฟีดเฟซบุคอยู่เสมอ..So very attractive ไหนจะมีรูปเก๋ๆ ชิคๆ ของใครหลายคนที่ระดมถ่ายลง Instagram รัวๆ อีกล่ะ เฮ้อ..ทนสภาพนั่งดูรูปอยู่ที่บ้านไม่ไหว..มันช่างเป็นแรงบันดาลใจให้ต้องไปร้านเหล่านั้นซักครั้ง..



งานวิจัย "ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้ร้านอาหารฟิวชั่นของผู้บริโภค" พบว่าสื่อทางอินเทอร์เน็ต มีอิทธิพลต่อการเลือกร้านอาหารมากถึง 29%"

หากมาวิเคราะห์กันโดยรวมแล้ว นอกจากการใช้สื่ออินเตอร์เน็ต เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร (channel) ให้ผู้บริโภคเกิดความ "อยาก" ที่จะไปใช้บริการแล้ว สิ่งสำคัญที่เป็นหัวใจของการทำธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบันคือ กาสร้างพื้นฐานของแบรนด์ ให้แข็งแกร่งเสียก่อน การใช้สื่ออินเทอร์เน็ต เข้ามาช่วย จึงจะทรงพลังมากยิ่งขึน ตัวอย่างร้านอาหารที่สร้างแบรนด์ได้แข็งแกร่ง (ในที่นี่ยังไม่กล่าวถึงเรื่องยอดขายนะคะ) ยกตัวอย่างเช่น ร้าน wanghinghoi ที่มีการสร้างแบรนด์สตอรี่ที่แข็งแรงมาก แล้วเรื่องการสร้างแบรนด์ที่ว่า ประกอบด้วยอะไรที่สำคัญๆ บ้างมาดูกันค่ะ


1. Brand Attribute ความหมายง่ายๆคือ รูปร่างหน้าตาภายนอกที่ผู้บริโภคจดจำแบรนด์นั้นได้ เช่น โลโก้ Tag line หรือ สโลแกน ไม้เว้นแม้กระทั่งสี รูปแบบร้านที่มีความเป็นเอกลักษณ์ (Uniqueness) การสร้างเมนูต่างๆ

2. Brand Benefit หรือ คุณประโยชน์ที่ผู้บริโภคจับต้องได้ เช่น รสชาดความอร่อย คุณภาพของอาหารที่ดีที่มีความสด สะอาด และปลอดภัย ตั้งแต่ วัตถุดิบถึงเครื่องปรุง ไปจนถึงการบริการที่จริงใจของพนักงานและเจ้าของร้าน หรือความคุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบถึงรสชาดและปริมาณของอาหาร รวมไปถึงบรรยากาศของร้าน เมื่อเทียบกับราคาที่จ่าย

3. Brand Value คือ คุณค่าที่จับต้องไม่ได้โดยตรง แต่ผู้บริโภคมีความรู้สึกกับแบรนด์หรือร้านอาหารนั้นได้ เช่น ร้านดูเทห์ มีรสนิยม มีความโดดเด่น มีความน่าเชื่อถือและมาตรฐาน เช่น ร้านต่างๆ ที่พยามโปรโมทถึงเชฟที่มีฝีมือด้านใดด้านหนึ่ง มีรางวัลการันตีว่าเป็นเชฟระดับโลก อะไรก็ว่ากันไป

4. Brand Personality บุคลิกภาพที่ให้ กับผู้ใช้แบรนด์หรือร้านอาหารนั้น เช่น ดูเป็นคนฉลาดเลือก เป็นคนรักสุขภาพ หรือเป็นคนที่ชอบทานกาแฟ เป็นคนชอบดนตรีแจ๊ส เป็นต้น บรรยากาศของร้านล้วนบ่งบอกถึงรสนิยมของคนไปใช้บริการแทบทั้งสิ้น


จริงๆ เรื่องแบรนด์ มีความละเอียด และวิธีการอีกมากมาย แต่ในที่นี้ แค่สี่ข้อนี้ ถ้าทำได้ก่อนถือว่าเพียงพอครบถ้วนในระดับหนึ่งแล้วค่ะ สำหรับการทำร้านอาหารให้โดนใจ อย่างนั้นเรามาเริ่มขั้นตอนการวางกลยุทธ์ในการใช้ Facebook Page ในธุรกิจการร้านอาหาร ให้คุ้มค่ากันดีกว่าค่ะ


กลยุทธ์การเรียกลูกค้าเข้าร้าน(User Acquisition ) ด้วยการสร้างสรรค์


1. การสร้าง Lead Form เมื่อมีเมนูอาหารหรือโปรโมชั่นใหม่ๆ แน่นอนหล่ะ นี่คือช่วงเวลาที่คุณสามารถขอข้อมูลลูกค้าเก็บไว้ได้ นอกจากจะได้ลูกค้าที่มี Royalty สูงแล้ว ยังรู้ความชื่นชอบในชนิดของอาหารหรือเมนู เก็บข้อมูลไปทำ Bigdata ต่างๆ ด้วยอีกด้วย เช่น วัยไหน เพศไหน ชอบทานเมนู ชอบการส่งเสริมการตลาดแบบไหน


วิธีการ เข้าไปสร้าง Facebook Ads เลือก Lead Generation แล้วทำตามขั้นตอน ถ้าหากไม่ทราบให้ทำตามวิธีการนี้ค่ะ https://www.facebook.com/business/a/lead-ads-form


2. การสร้าง Client VDO Tour ร้านอาหาร ควรมีวิดิโอสวยๆ สักชิ้น ที่มีภาพบรรยากาศภายในร้านทั้งหมด นั่นเป็นเพราะว่า บางครั้งการเห็นภาพอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ภาพที่เคลื่อนไหวที่มีเสียงเพลงเบาๆ ประกอบ นั่นยิ่งทำให้ลูกค้าได้รับความรู้สึกเสมือนหนึ่งตัวเองไปอยู่ในสถานที่นั้น เป็นการสร้าง Brand Sense หรือกระตุ้นโดยการใช้ รูป รส กลิ่น เสียง เข้าช่วย ซึ่งปัจจุบัน มี Content Developer มืออาชีพ ที่อยู่ในวงการรีวิวร้านอาหาร ออกมาเป็นผู้รับทำ วิดีโอคอนเทนต์มากมาย เช่น https://www.bkkmenu.com/business/promote/ การสร้างวิดิโอแนวตั้ง ตอนนี้ก็เป็นที่นิยมในหน้า facebook มากนะคะ เพราะมีภาพที่ดูใหญ่เต็มจอหากลูกค้าดูผ่านมือถือ ดูแนวทางการสร้าง vertical video ที่นี่ค่ะ แต่ถ้าไม่มีงบประมาณมากมาย ลองใช้การทำคอนเทนต์แบบ Slide Show กันดูค่ะ ใช้รูปถ่ายมาทำง่ายๆ ลองไปดูวิธีที่นี่



จากข้อมูลของ Facebook การได้เห็น "บรรยากาศ" ภายในร้าน จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจที่จะเข้ามาเยี่ยมชมร้านอาหารของคุณในอนาคตมากขึ้นถึง 3 เท่า


กลยุทธ์การเข้าถึงลูกค้าด้วยการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Facebook Audience)



การเข้าถึงลูกค้าที่ดีที่สุด คือการพาตัวตนของร้านอาหารของเรา เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของลูกค้าให้ได้ หรือที่เรียกว่า การเข้าถึง Customer Journey การใช้ฟีดเจอร์ต่างๆ ของเฟซบุคให้เป็นประโยชน์กับร้านอาหารของเรา เราจะใช้เฟซบุคอย่างไร ในการติดตามลูกค้าในแบบที่เรียกว่า ถูกที่ ถูกเวลา อย่างมีการวางกลยุทธ์ทีดี แต่ก่อนอื่น จะใช้ฟีดเจอร์เหล่านั้นได้ถูกต้อง ต้องมีการวางวัตถุประสงค์การใช้กันก่อน โดยปกติ เรามักจะกำหนดวัตถุประสงหลักไว้ได้ 2 ประการด้วยกันคือ

1) การแสวงหาลูกค้ารายใหม่ ๆ หรือเพิ่มยอดขายในร้าน

2) การเพิ่มการรับรู้ให้กับตัวร้านเอง


เราสามารถใช้วัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ในเวลาพร้อมกัน หรือช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เช่น เพิ่มการรับรู้ในเมนูใหม่ โปรโมชั่นใหม่ ด้วยการโปรโมท VDO Content และ เพิ่มยอดขายในช่วงเวลาที่ยอดตก ด้วยการ Offer Coupon ส่วนลด ในเวลาเดียวกัน จากนั้นมากำหนดว่า อะไรคือ KPI ของคุณ สำหรับการใช้สื่อ เฟซบุค ในวัตถุประสงค์นั้นๆ ถ้ากำหนดได้แล้ว เราลองมาดูกันค่ะว่า เฟซบุค มีโซลูชั่น อะไรมารองรับการเข้าถึงลูกค้าของเรากันบ้าง


การใช้เครื่องมือกำหนดกลุ่มเป้าหมาย



1. ใครคือ Core Audiences หรือลูกค้าหลักของเรา ในฟีดเจอร์ ของ เฟซบุค เราสามารถสร้างกลุ่มลูกค้าหลักได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ลองดูวิธีการได้ที่นี่ค่ะ https://www.facebook.com/business/news/Core-Audiences ประโยชน์ของการสร้าง Core Audiences ก็เพื่อใช้ในการบูธโพสต์ ที่ไม่ต้องมานั่งเลือกทุกครั้งที่จะบูธโพสต์ หรือซื้อแอด การสร้างเราสามารถสร้างไว้ได้ตาม เพศ อายุ อาชีพ ความสนใจ location ในที่นี้ อยากดูแบบละเอียดว่าในปัจจุบันเราสามารถทำการ Segmentation Facebook Target ของการโฆษณาได้ในรูปแบบไหนได้บ้าง ไปดูกันที่นี่เลยค่ะ ขอบอกว่าละเอียดที่สุดของที่สุดจริงๆ


2. ถ้าลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ Multicultural Affinity Audience เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง คุณรู้หรือไม่ว่าเราสามารถทำให้ร้านอาหารให้ดังไกลไปยังต่างแดนได้ ถ้าหากคุณวิเคราะห์แล้วว่า ร้านอาหารของคุณเป็นที่ชื่นชอบสำหรับชาวต่างชาติด้วย ลองใช้เครื่องมือนี้ดูซิ https://www.facebook.com/business/news/audience-network-uk


กลยุทธ์การใช้ Geo-Targeting and the Facebook Store Visit Objective


source : https://www.thinkwithgoogle.com




ในข้อนี้ เป็นเรื่องของพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่มักจะหาร้านอาหารใกล้ตัว (Nearby) แน่นอนว่า ฟีดเจอร์ที่เฟซบุคเตรียมไว้ให้นั้น ในเรื่องการสร้างกลยุทธ์การเรียกลูกค้าด้วยการใช้ โลเคชั่นมีอยู่สองแบบด้วยกันดังนี้ค่ะ


Radius-based targeting หรือการระบุรัศมีรอบตัว ไม่เหมาะอย่างยิ่งกับร้านอาหารต้องการหาลูกค้าที่อยู่ห่างไกลออกไปมากๆ เพราะบางครั้งถ้าไกลมากไป จะเสียเงินจำนวนมากไปโดยใช่เหตุ เพราะบางครั้งลูกค้าที่บ้านอยู่บางนา อาจไม่มารับประทานที่ร้านอาหารที่อยู่ไกลถึงอารีย์ แต่เคสนี้อาจลองใช้ได้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ถ้าวันธรรมดาไม่แน่นำค่ะ การสร้างแอดแบบนี้เราสามารถเลือกได้ว่า จะให้คนที่มีบ้านหรืออาศัย หรือต้องผ่านไปผ่านมาแถวนั้น ในรัศมีที่ปักหมุดไว้ เห็นแอด ทั้งนี้ควรสร้างระยะไกลไม่เกินระยะ 3 ถึง 8 กิโลเมตร กำลังดีค่ะ


Business Locations targeting วิธีนี้เหมาะกับร้านอาหารที่มีสาขามากๆ และอยู่ห่างไกลกันออกไป เพราะสามารถป้อนข้อมูลสาขาร้าน ด้วยการระบุ รหัสไปรษณีย์ โลเคชั่น หรือการระบุในรูปแบบละติจูด ลองติจูด ได้ วิธีการแบบละเอียดลองศึกษาดู ที่นี่ ค่ะ ทั้งนี้ การใช้วิธีนี้ เหมาะกับคนที่ต้องการทำ location target ไปได้ไกลถึงในระยะรัศมี 50-80 Km. เลยทีเดียวนะคะ ข้อดีของวิธีการนี้คือ เมื่อเรานำแอดรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น VDO Ad หรือแอด Offer มาผนวกเข้ากับ Business Location ลูกค้าสามารถเดินทางมาได้ทันที ต่างจาก Radius-based targeting ที่เป็นเพียงการยิงแอดออกไปให้ลูกค้าเจอในรัศมีที่กำหนดเท่านั้นค่ะ




ศึกษาการสร้างกลยุทธ์การใช้ Facebook Location ทั้งหมดได้จากลิงค์นี้ค่ะ

https://www.facebook.com/business/help/202297959811696


กลยุทธ์การใช้ส่วนลดและข้อเสนอ Facebook Offer Ads


ร้านอาหาร สามารถสร้างส่วนลดและโปรโมชัน นำเสนอไปยังลูกค้าเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อ วิธีนี้ เมื่อลูกค้าได้เห็นแอด ลูกค้าสามารถเลือกกดบันทึกเก็บไว้ก่อน และนำไปใช้ได้ภายหลัง เมื่อลูกค้านำไปใช้และกด redeem ข้อเสนอนั้นก็จะหายไปดูวิธีการได้ที่นี่ค่ะ https://www.facebook.com/business/learn/facebook-page-post-offers

การทำ offer มีด้วยกันสองรูปแบบคือ Online Offer เหมาะกับร้านค้า E-commerceหรือร้านอาหารที่เปิดขายแบบ Online Store ด้วย และอีกแบบคือ In-store offers เหมาะกับร้านอาหารที่ต้องการให้ลูกค้ามาใช้ที่ร้าน


กลยุทการใช้ Facebook Chat Bot ในธุรกิจร้านอาหาร


ในบางครั้ง การยิงแอดโฆษณาออกไป โดยที่มีทราฟฟิคกลับเค้ามายังหน้าเพจร้านอาหารของคุณ แต่กลับไม่มี แอดมินเพจ ที่พร้อมจะมีปฏิสัมพันธ์ พูดคุยกับลูกค้าในเวลานั้นๆ หรือไม่มีปลายสายที่คอยรับลูกค้าให้กับคุณ ก็อาจทำให้คุณพลาดช่วงเวลาที่จะ Plus Sale เพิ่มยอดได้ Facebook Chat Bot จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ และที่พิเศษไปกว่านั้น ปัจจุบัน แชทบอทที่ใช้ในธุรกิจร้านอาหาร มีการทำเป็นเทมเพลต ออกมาขายแล้วเพื่อพร้อมเชื่อมต่อกับ Facebook Chatbot ในการใช้งาน อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว สำหรับใครที่สนใจ ไปซื้อกันได้เลยที่นี่ค่า https://botmakers.net/chatbot-templates/explore/restaurant


ยังมีอีกหลายเทคนิค ในการนำ Facebook ไปสร้างเป็นกลุยทธ์ที่นำไปใช้ในธุรกิจร้านอาหาร แต่อย่างที่กล่าวมาทั้งหมด หากคุณได้ลองนำไปปรับใช้ อย่างเข้าใจ และค่อยๆทำไปวันละเล็กละน้อย ก็จะพบผลลัพธ์ที่น่าตื่นเต้นและสนุกกับการสร้างกลยุทธ์ในแบบที่เป็นตัวคุณเอง สำหรับการทำ Online Marketing แล้ว วิธีการที่หลายๆ บลอค หรือองค์ความรู้ของกูรูแต่ละท่าน อาจไม่เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะค่ะว่า มันขึ้นอยู่กับการที่เรารู้หลักการ และไปลงมือทดลองทำต่างหาก ...ทุกอย่างจะสำเร็จได้จากการลงมือเท่านั้นค่ะ..อย่างสุภาษิตที่เค้าบอกไว้ว่า "เรียนเพื่อจำ และทำเพื่อเข้าใจ" นะคะ..

ดู 701 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page